ผมได้ยินเสียงบ่น เรื่องระบบการศึกษาไทย มาเป็นสิบๆ ปี ตั้งแต่ตอนเป็นวัยจ๊าบ ที่ใจร้อน ฝุดฟิต หงุดหงิด ไม่รู้ว่าจะเรียนสิ่งนี้ไปทำไม .. จนถึงตอนนี้ เข้าใจแล้วว่า ที่ผ่านมา ..
ไม่ใช่ตี๋เล็กตอนวัยจ๊าบ เป็นภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต
ผมคงจะเก่งกว่านี้อีกหลายเท่า ถ้าเอาเวลามาเรียนสิ่งที่เราอยากจะเรียน .. เกริ่นเริ่มต้นไว้แรงหน่อย แต่ที่ผมได้ดีอย่างทุกวันนี้ก็เพราะพื้นฐานได้โรงเรียนดี มีคุณครู อาจารย์ ที่อดทนสั่งสอน เขี่ยวเข็ญกันมาตั้งแต่เล็กจนโต นี่แหละครับ .. แต่ว่า
มันเกิดขึ้นแล้วนะครับ .. Digital Disruption คือ ความเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิด โมเดลธุรกิจใหม่ๆ การแก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่ๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้ สบายมว๊าก ไหนๆ ยังไงๆ .. ขอตัวอย่าง
สิ่งไม่ดี จะถูกเปลี่ยน อย่างแน่นอน
จำได้ไหม เราเคยเหนื่อยกับบริการแบบตามมีตามเกิด ของพี่ๆ แท็กซี่ จะส่งรถมั่งล่ะ แก๊สหมดไปเติมแก๊สมั่งล่ะ ขับหนีไปเฉยๆ ยังมี เฮ้อ ถ้าเป็นเมื่อก่อน การจะทำให้แท็กซี่ทุกคันมีอุปกรณ์ GPS ซอฟแวร์ พร้อมการเชื่อมโยงออนไลน์ตลอดเวลา คงใช้เงินลงทุนสูงมากๆ เราจึงแก้ปัญหาโดยตั้งศูนย์วิทยุแท็กซี่ วอ หนึ่ง วอ สอง เปลี่ยน .. แทน ก็พอช่วยได้นะ
แต่เดี๋ยวนี้ แท็กซี่ทุกคนมีมือถือ แท็กซี่ทุกคนออนไลน์ได้จากทุกที่ ขับรถไป ดูหนังไป ชิวฝุดๆ อ่ะ .. เราจึงสามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่ๆ ได้ GrabTaxi ได้ Disrupt แท็กซี่แบบเดิม ต่อมา Uber เปลี่ยน “รถบ้าน” ให้เป็นแท็กซี่ LineMan ทำให้ พี่วิน สุดเฟี้ยว กลายเป็นพนักงานส่งของบริการดีเยี่ยมได้ บางทีผมก็รู้สึก เหมือนเรามีพลังวิเศษเลยนะ สามารถเรียก “รถ” ได้ ฮ่าๆ ( อารมณ์ เรียกลม เรียกฝน ได้ งี้)
เรามี พลังวิเศษ เรียกรถได้ ว้าวๆ
“ ดึกแล้วน้า วางบ้างก็ได้น้า .. ไอแพดน่ะ เล่นทั้งวัน เดี๋ยวระเบิดน้า ”
ผมตะโกนบอกแม่ ก่อนจะเดินขึ้นไปนอน .. เพราะความเป็นห่วงปนระอา ตั้งแต่เอาไอแพดเครื่องเก่าให้แก .. แกนั่งดู YouTube ทั้งวันไม่หยุดเลย
“ แหม ก็มันมีเรื่องน่าสนใจตั้งเยอะแยะเนี้ยะ ยังดูของอาจารย์คนนี้ไม่จบเล้ย ”
แม่นั่งฟัง สิ่งที่อยากเรียนรู้ทั้งวันไม่รู้เหนื่อย .. ตั้งแต่ ทำกับข้าว , เกษตรผสมผสาน, การทำน้ำหมักอีเอ็ม, น้ำมันมะพร้าว, การเลี้ยงเด็ก ฯลฯ เรียนเสร็จก็ร้อนวิชา ทำกับข้าวใหม่ๆ ให้ลูกหลานกิน ปลูกนั่น ทำนี่ เยอะแยะไปหมด (แต่ไม่สำเร็จซักอย่าง ฮ่าๆ) .. คนที่เหนื่อยคือ พ่อ โดนแม่ใช้ให้ไปซื้อของมาทำโปรเจคของแกอยู่ตลอด ผมไม่รู้ว่าแม่จะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน เพื่อที่จะดูคลิปทั้งหมด แต่ผมรู้แน่ว่า ..
และรู้ว่า ถ้าอยากให้แม่เลิกบ่น ลองเอาไอแพดเก่าให้แม่เล่น .. ฮ่า
ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่แม่ผม แต่อารมณ์ ประมาณนี้แหละ แฮ่
คาน อะคาเดมี่ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้การศึกษาคุณภาพสูงแก่คนทั่วโลก และฟรี! .. ก่อตั้งโดย Salman Khan (ซาลมาน คาน) ในปี ค.ศ. 2006
คนนี้ๆ จำหน้าไว้ เดี๋ยวดังๆ
ตอนแรกผมเข้าใจว่าก็แค่ เว็บไซต์ที่รวมวีดีโอสอนวิชาต่างๆ เอาไว้จำนวนมาก ให้เด็กนักเรียน ทุกชั้น ทุกสาขาวิชา สามารถเข้าไปเรียนได้ฟรีๆ แต่ความจริงแล้ว มีมากกว่านั้นครับ ในเว็บไซต์ แบ่งเป็นบทเรียนย่อยๆ และเมื่อเรียนจบจะมีการทดสอบ โดยมีหลักว่า ถ้าสามารถตอบคำถามในเรื่องนั้น ได้ถูกติดกัน 10 ข้อ แสดงว่าเข้าใจแล้ว สามารถไปเรียน บทเรียนต่อไปได้
ต้องตอบถูก 10 ติดกันถึงจะผ่าน
ครูก็สามารถติดตามเด็กๆ ที่เรียนผ่านออนไลน์ได้ ว่าใครมีพัฒนาถึงไหนแล้ว ส่วนที่เป็น สีเขียว คือ ผ่าน .. ส่วนที่เป็น สีแดง คือ มีปัญหา ดังนั้น เมื่อครูพบว่า เด็กคนไหนมีปัญหาก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือในส่วนนั้นได้ หรือให้เพื่อนที่เข้าใจเรื่องนั้นแล้ว เป็นสีเขียวแล้ว เข้าไปช่วยแทนก็ได้
คาน พูดในงานเท็ดทอร์ค
พัฒนาการของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน .. ถ้าเป็นการเรียนในห้องเรียน ที่ต้องเรียนไปพร้อมกัน คนที่ช้าก็จะไม่ทัน ส่วนคนที่หัวไวก็จะต้องรอเพื่อน การเรียนก็น่าเบื่อ .. จากกราฟพัฒนาการ จะเห็นว่า เมื่อถึงจุดหนึ่ง คนที่ช้าในตอนแรก สามารถพัฒนาเป็นคนที่เก่งที่สุด ในตอนสุดท้ายได้ เราไม่สามารถตัดสินเด็ก ว่าไม่เก่ง เพียงเพราะตอนแรกเค้ายังไม่เข้าใจ
ระบบการเรียนของ คาน ทำให้ผมเริ่มมีความหวัง กับระบบการศึกษาไทยในอนาคต เด็กๆ จะสามารถเรียนในสิ่งที่สนใจ ตามที่เค้ากำหนดได้เอง
และถ้าลองคิดถึงการเรียนของผู้ใหญ่ มีวิชาอีกมากมาย ที่เราอยากจะเรียนรู้ แต่ไม่มีเป็นตำราเรียน ไม่มีการสอนอย่างชัดเจน ต้องพยายามค้นคว้าหาเอาเอง ตามสื่อต่างๆ เช่น เรื่องหุ้น , เรื่องการเลี้ยงลูก , เรื่องทัศนคติ , เรื่องการบริหาร ฯลฯ ถ้ามีระบบนี้เกิดขึ้น เราจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และไม่รู้จบ ..
คาน อะคาเดมี่ คืออะไร?
Salman Khan พยากรณ์รูปแบบตลาดการศึกษาในอีก 10 ปีข้างหน้า
Let’s use video to reinvent education
ผมเริ่มหาข้อมูลเรื่องการทำ Home School ( การให้เด็กเรียนที่บ้านได้ถูกต้องตามกฏหมาย ) เพราะเจ้าลูกชาย ค่อนข้างช้า เรียนไม่ทันเพื่อนๆ ทำให้มีปัญหาหลายอย่าง จนเริ่มไม่อยากไปโรงเรียน .. Home School เป็นทางออกสำหรับเด็กที่เข้าสู่ระบบการศึกษาสามัญไม่ได้ ยิ่งพ่อแม่มองว่า โรงเรียนเป็นแค่สถานรับเลี้ยงเด็กในตอนกลางวัน ความนิยมในการทำ Home School ก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ความยากของ Home School คือ “ความพร้อมของพ่อแม่” เพราะว่าจะต้องทุ่มเทเวลาที่มีทั้งหมดให้กับลูกในการสอน เตรียมการสอน ในแต่ละวัน .. พ่อแม่ Home School จึงจำเป็นจะต้องมีความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อลูกเป็นอย่างมาก
การเรียน Home School สอนได้ทุกอย่าง ไม่จำเป็นเฉพาะด้านวิชาการ
เด็ก Home School จะค้นหาตัวเองได้เร็ว เพราะพ่อแม่จะจัดการสอนตามความสนใจของลูก .. เด็ก Home School จะมีนิสัยใฝ่รู้ มีทักษะในด้านการเรียนรู้ด้วยตัวเอง .. ต่างจากเด็กในระบบการศึกษาสามัญ ที่จะรอให้ครูมาสอน เท่านั้น
จากวันที่เริ่มได้ยินเรื่อง Home School จนถึงวันนี้ ก็มีเรื่องความสำเร็จของเด็ก Home School ออกมาให้ฟังอยู่เรื่อยๆ เช่น เด็กได้ แชมป์เกมส์อีสปอร์ต , แชมป์สนุกเกอร์ , ดนตรี , กีฬา ฯลฯ .. ดังนั้น ผมเชื่อว่า
Coder Dojo สำนักโค้ด โปรแกรมเมอร์รุ่นเยาว์
การเรียนแบบ Home School อาจเกิดคำถามหลายอย่าง เช่น เด็กจะได้เรียนอยู่ที่บ้าน ทำให้ไม่ได้เจอสังคม ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่มีทักษะในด้านการเข้าสังคม และ พ่อแม่หลายคนก็ไม่ได้เก่งมากพอ ที่จะสอนบางวิชาด้วยตัวเอง
ปัจจุบัน จึงเริ่มมีการตั้งกลุ่มการเรียนรู้ร่วมกัน เรียกว่า โดโจ Dojo (แปลว่าสำนัก) เพื่อต้องการรวมเด็กๆ ที่สนใจเรื่องเดียวกัน ให้มาเจอกันทุกอาทิตย์ เป็นประจำ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน .. ผมได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรก จากคุณชารี (มิซารี มุคบิล) ผู้ก่อตั้ง CoderDojo Thailand กล้าปล่อยให้เด็กเล่น
“Ask three then me.” ถามเพื่อนสามคนก่อน แล้วค่อยถามพี่เลี้ยง
โดโจ ไม่ใช่ กลุ่มติวเตอร์ กลุ่มเรียนพิเศษ แต่เป็นกลุ่มเรียนรู้ร่วมกัน กฏของกลุ่มมีอยู่ง่ายๆ คือ จะต้องเรียนรู้เรื่องที่สนใจด้วยตัวเอง ถ้ามีปัญหาก็ให้ถามเพื่อนๆ ก่อน ถ้าทำไม่ได้จริงๆ จึงค่อยมาให้พี่เลี้ยงช่วย .. สำหรับพ่อแม่และเด็กโรงเรียนสามัญ อาจจะรู้สึกแปลกๆ หน่อย เพราะไปเรียนแบบไม่มีคนสอน .. แต่สำหรับเด็ก Home School แล้วที่นี่คือ ที่ๆ สนุกมากๆ เพราะมีแต่คนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน พูดคุย ช่วยกันแก้ปัญหา
โดโจ ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะการเขียนโปรแกรมเท่านั้น เราสามารถ ตั้ง โดโจ แบบต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มเกี่ยวกับการฝึกทักษะ ต่างๆ เช่น การเต้น การร้องเพลง การเล่นดนตรี หุ้น เลโก้ ฯลฯ
การตั้ง โดโจ ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ เพียงแค่เรามี
แชมเปี้ยน : ผู้ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ แค่ห้องที่มีบริเวณ มีที่นั่งทำงาน และ WIFI
เมนเทอร์ : ผู้ที่มีความรู้ในด้านนั้นๆ (ไม่จำเป็นต้องเก่งมาก) เรียนรู้ไปพร้อมเด็กๆ
นินจา : เด็กๆ ที่สนใจ ใคร่รู้ในเรื่องนั้นๆ และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
แล้วนัดมาพบกันในทุกสัปดาห์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
Coder Dojo ที่ Maxile Co., Ltd. แถว ม.เกษตร
เขียนมาตั้งนาน ตบเข้าขายของมั่งนะครับ ฮ่าๆ
จากที่ผมเล่ามา ในอนาคตอันใกล้นี้ เห็นได้ชัดว่า .. แม้ว่าระบบการศึกษาไทยจะไม่เปลี่ยนแปลงมาเป็นสิบๆ ปี เราเรียนมายังไง เด็กๆ ก็ยังต้องเรียนอยู่แบบนั้น ซ้ำร้ายจะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม .. สิ่งที่เป็นปัญหาจะถูก เทคโนโลยี Distrupt ไปอย่างแน่นอน ..
ปัจจุบัน พ่อแม่มีทางเลือกให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยวิธีใหม่ๆ มีเทคโนโลยีและวิธีต่างๆ มาช่วยให้ทุกเป็นไปได้ และง่ายขึ้น
ถึงแม้จะเป็นการเรียนที่ไม่มีในหลักสูตร ไม่มีใบประกาศณียบัตรใดๆ รับรอง แต่ในอนาคต ทักษะเหล่านี้ จะเป็นที่ต้องการอย่างมาก และ ดูเออร์ จะเป็นแหล่งงานคุณภาพ ที่เตรียมไว้รอให้คนเก่งจริง เข้ามาร่วมทีมกับเราครับ
มาเป็นทีมเดียวกับเรา ดูเออร์ ทีมฟรีแลนซ์คุณภาพ ทำงานจากที่ไหนก็ได้ ..
ช่วงนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น มีบริษัท Start Up หลายบริษัทเข้ามาปรึกษาหลายบริษัทด้วยกัน
ผมรู้สึกมีพลังทุกครั้งเวลาที่ได้ฟัง “เรื่องราว” ของคนดังที่ประสบความสำเร็จ
YDM Thailand ใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีสุดในการใช้งานเว็บไซต์แก่คุณ หากคุณดำเนินการต่อ หรือปิดข้อความนี้ลง เราถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว